Supakorn Visutthicho
High Availability in Campus Network ตอนที่ 1 (Cisco Stacking Technology)
การทำ High Availability ในการออกแบบระบบเครือข่ายในองค์กรที่อุปกรณ์ Switch ก็มีหลากหลายเทคโนโลยีตั้งแต่สมัยก่อนเพื่อลดการ downtime ระบบให้น้อยที่สุดเวลาที่เกิดปัญหากับอุปกรณ์ หรือ link ที่เชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็น Spanning-Tree , HSRP , EtherChannel และอื่นๆ
ซึ่งในซีรี่ย์นี้เรามาพูดถึงเทคโนโลยีของ Stack กันซะหน่อยก่อนดีกว่าครับ ก่อนที่จะไปลงรายละเอียดในแต่ละส่วน หรือ แต่ละรุ่นในตอนต่อๆไป
ก่อนอื่นเลยสมัยก่อนๆเราออกแบบการเชื่อมต่อระหว่าง Access Switch กับ Distribute/Core Switch เป็นลักษณะ Full-Mesh เพื่อต้องการ High Available ในระบบ
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/cb96a7d8f93ad2aee116658e2f1f4549.png)
จากรูปจะเห็นว่าเมื่อเราต่อเชื่อมระหว่าง Access Switch (ASW) ไปยัง Distribute Switch (DSW) เป็นแบบ Full-Mesh ในลักษณะแบบนี้ ก็จะทำให้เกิด Layer 2 Loop ขึ้นในระบบได้ ดังนั้นก็จะมี Spannin-Tree Protocol (STP) มาทำการ Block Link เอาไว้เพื่อไม่ให้เกิด Loop
แบบนี้เราจะเห็นว่า Traffic จะสามารถวิ่งใช้งานเพียงแค่ 1 เส้นบน ASW1 และ ASW2 ถูกมั้ยครับ ?? หรือถ้าเราเลือกไปใช้ Per-VLAN Spanning-Tree (PVST+) ก็ค่อยคุ้มค่ามานิดนึงคือ Traffic จะ share load ไปแต่ละ Link เป็น Per-VLAN แทนที่จะวิ่งไป Link ใด Link หนึ่ง
ส่วนฝั่ง DSW1 และ DSW2 เอง ก็มี 2 ตัว เราต้องใช้ HSRP, VRRP, GLBP เพื่อทำ 2 ตัวนี้มี Virtual Gateway เป็นเบอร์เดียวกันสำหรับ Client
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/e73ee89948e3fd2ce1a7aa64e97c8e0a.png)
แล้วถ้าฝั่ง Access Switch มีหลายตัวด้วย เราก็ต้องเชื่อมต่อระหว่าง Access Switch กันเองอีกด้วยสาย LAN จากรูปก็จะเห็นว่ามันก็เกิด Layer 2 Loop อีก ทำให้ระบบใช้งานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ แล้วไหนจะ Traffic ที่จะต้องวิ่งผ่านสาย LAN ระหว่าง Access Switch ด้วย UTP 1Gbps ก็อาจจะทำให้คอขวดได้อีก ยังไม่รวมถึงจำนวน MAC Address Table และการบริหารจัดการแต่ละ Switch แยกส่วนกันอีกด้วย
ทีนี้ก็เกิดคำถามว่า เราจะทำยังไงได้บ้างที่ทำให้การออกแบบ หรือ การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายของเราทำงานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งพอมีเทคโนโลยี Stack เข้ามา ก็ทำให้เราสามารถออกแบบระบบได้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เราลองสรุปแบบคร่าวๆ ของภาพการออกแบบระบบแบบนี้กันดีกว่า
- บน DSW ใช้งาน HSRP, VRRP เป็น Active/Standby
- บน ASW เกิด STP ระหว่าง Link ที่ไป DSW และ Link ที่เชื่อมต่อกันเอง
- Switch ต้องรองรับจำนวน MAC address ของทุกๆ Client ได้
- การบริหารจัดการแยกส่วนกันบนตัวอุปกรณ์ ถ้ามี Switch 3 ตัว ก็ต้องมี 3 IP address สำหรับ Management และเมื่อเปลี่ยนค่าคอนฟิกที่ตัวใดตัวหนึ่ง ค่าคอนฟิกก็ไม่ได้ sync กัน ก็ต้องตั้งค่าที่ Switch อีกตัวด้วย
ทีนี้ก็เกิดคำถามว่า เราจะทำยังไงได้บ้างที่ทำให้การออกแบบ หรือ การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายของเราทำงานได้ดีกว่าเดิม ซึ่งพอมีเทคโนโลยี Stack เข้ามา ก็ทำให้เราสามารถออกแบบระบบได้ดีและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Empty space, drag to resize
Stack คืออะไร ?
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/88d92bae22efe82079b015baee0a4fcc.png)
เมื่อเครื่อง NB2 ได้รับ ARP Request เข้ามา ก็จะพิจารณาว่า มันคือเครื่องเป้าหมายที่ NB1 ต้องการถาม MAC address หรือเปล่า โดยพิจารณาจาก Destination IP address ที่ NB1 ส่งมา
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/d965e2ad3e4467b1a35c484b0974b9de.jpeg)
Stack คือ เทคโนโลยีที่ทำให้สามารถรวม Switch ทาง Physical หลาย ๆ ตัว เข้ามาเป็นสวิตซ์ทาง Logical เพียงตัวเดียวได้ ซึ่ง Switch จะรวมกันได้ผ่านทางสายสัญญาณแบบพิเศษ เรียกว่า Stack Cable (ในบางรุ่นสามารถใช้งานเป็นสาย Fiber Optic มาทำ Stack ได้ เรียกว่า Front-Side Stack หรือ Hortizontal Stack) ซึ่งจะมีการเลือก Master switch หรือ Active Switch ในกลุ่มของ Switch ที่เอามาทำ Stack กัน และสามารถบริหารจัดการได้เสมือนเป็นสวิตซ์ตัวเดียว (ไม่ต้องแยกการ Config)
พอเป็นแบบนี้แล้ว ทำให้การออกแบบนั้นเปลี่ยนไป ตามรูปตัวอย่างนี้
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/eb0b610bfd162ca1fa1c59151b4b27e9.jpeg)
จากรูปนี้ ถ้าเราลองเปลี่ยนฝั่ง Distribute Switch เป็นเทคโนโลยี Stack จะเห็นว่า ฝั่ง Access Switch จะมองเห็น Distribute Switch เป็นเสมือน Switch ตัวเดียวในเชิง Logical พอเมื่อ Access Switch มองเห็น Distribute Switch เป็นตัวเดียวแล้ว และ มี Link เชื่อมต่อไปตัว 2 ละเส้น เราก็สามารถทำการรวม Link โดยใช้ Ling Aggregration หรือใน Cisco เรียกว่า EtherChannel ทำให้ขจัดปัญหาเรื่อง STP ออกไปได้ และใช้งานได้ทั้ง 2 Link พร้อมๆกัน
หรือถ้าเราทำ Stack ที่ฝั่ง Access Switch ด้วย ก็จะได้ภาพลักษณะนี้
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/58b33f616dc9847dcf43bd7663c50b64.jpeg)
ซึ่งเทคโนโลยี Stack ของ Cisco เองนั้นมีหลายแบบตามรุ่นของอุปกรณ์
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/c698e5196f41a957e8d293c9e14c6fed.jpeg)
ซึ่งสำหรับ Switch รุ่นใหญ่อย่างเช่น Cisco 4500, 6500 , 6800 , 9500 , 9600 เองนั้น ก็สามารถทำในลักษณะแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่เราจะเรียกเทคโนโลยีที่ใช้งานบน Cisco 4500 , 6500 ,6800 ว่า Virtual Switch System (VSS) และบน Cisco 9500 , 9600 ว่า StackWise Virtual (SWV) ซึ่ง VSS หรือ SWV จะไม่ต้องใช้สายพิเศษอย่าง Stack Cable ในการเชื่อมต่อกัน เพราะไม่มี Port Stack เหมือนกับรุ่นเล็กๆ แต่จะใช้สาย Fiber Optic ในการเชื่อมต่อกันแทน รายละเอียดก็จะกล่าวในตอนถัดๆไป
![](https://lwfiles.mycourse.app/62ba76bcbad296b3af718f4a-public/6d68b8a2e2891b47aa501531dee30620.png)
Plantecplus Co.,Ltd (NetPrime Training)
118/28 ถนน พระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 086-785-3213
อีเมล : netprime@plantecplus.com
118/28 ถนน พระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 086-785-3213
อีเมล : netprime@plantecplus.com
Blog
Terms
Cookies
Privacy
Copyright © 2022
เว็บไซต์เพิ่งย้ายระบบและทำการปรับปรุง
คอร์สที่เป็น Virtual Classroom และ Classroom ที่มีเอกสารอบรม ยังไม่เรียบร้อยดี กำลังอัพเดทค่ะ